ถ้าพูดถึงวัดทองของประเทศญี่ปุ่น หลายๆ คนอาจจะนึกถึงแต่คินคาคุจิ วัดทองอันโด่งดังแห่งจังหวัดเกียวโต แต่คุณทราบหรือไม่ว่า นอกจากคินคาคุจิแล้ว ที่ญี่ปุ่นก็ยังมีวัดทองอยู่อีกแห่งหนึ่ง และเป็นวัดที่งดงามและมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน จนได้รับเลือกเป็นมรดกโลกไปแล้วอีกด้วย สถานที่แห่งนั้นก็คือ วัด จูซนจิ แห่งจังหวัดอิวาเตะนั้นเอง
รู้จักกับวัด จูซนจิ

มาเริ่มกันที่การทำความรู้จักกับวัดจูซนจิกันก่อน วัด จูซนจิ แห่งนี้ตั้งอยู่ที่เนินเขาคังซังในจังหวัดอิวาเตะ ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ ค.ศ. 850 หรือตั้งแต่ก่อนสมัยสุโขทัยเสียอีก โดยคนสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นมาก็คือนักบวชแห่งนิกายเทนไดนามว่า พระเอนนิน ต่อมาในช่วงต้นศตวรรษที่ 11 คิโยฮิระ ฟูจิวาระ เจ้าครองนครแห่งโอชูก็ได้สานต่อความยิ่งใหญ่ของวัดแห่งนี้ ด้วยการสร้างวิหารและต่อเติมเจดีย์ต่างๆ ในวัดแห่งนี้จนมีมากกว่า 40 หลัง มีนักบวชมากกว่า 300 รูป และมีการเก็บรักษาทรัพย์สมบัติ ศิลปะ และงานฝีมือต่างๆ มากมาย จนกลายเป็นวัดนิกายที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ในภูมิภาคโทโฮคุแห่งนี้ แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน และภัยพิบัติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสงครามหรือไฟไหม้ครั้งใหญ่ วัดจูซนจิแห่งนี้ก็เหลือเพียงไม่กี่วิหาร แต่ทั้งหมดก็ถูกบูรณะขึ้นมาอย่างสวยงาม จนในที่สุด ที่นี่ก็ได้รับเลือกให้กลายเป็นมรดกโลกในปี 2011

โดยในปัจจุบัน วัดจูซนจิได้รับบูรณะมากอย่างสวยงาม และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันมีชื่อเสียงของจังหวัดอิวาเตะ ซึ่งขึ้นชื่อในด้านความงดงามไม่ว่าจะอยู่ในฤดูไหนก็ตาม วัดจูซนจิแห่งนี้มีความกว้างใหญ่มากและมีอาคารวิหารต่างๆ ให้สักการะหลายแห่ง แต่สถานที่ที่มีชื่อเสียงที่น่าไปเช็กอินจะมีอยู่ 4 ที่หลัก ๆ ตามที่เราจะแนะนำต่อไปนี้
เนินสึคิมิซากะ (Tsukimizaka) หรือเนินชมจันทร์

เมื่อคุณก้าวสู่ในอาณาเขตของวัด สิ่งแรกที่คุณจะเจอเลยก็คือเนินอันเป็นทางเดินหลักเข้าสู่ตัววิหารที่ขนาบข้างไปด้วยต้นซีดาร์ ซึ่งต้นซีดาร์เหล่านี้ก็มีประวัติศาสตร์ที่ไม่ธรรมดา เพราะพวกมันถูกปลูกขึ้นโดยตระกูลดาเตะแห่งเซนไดอันโด่งดัง ซึ่งปลูกกันมาตั้งแต่ช่วงปี 1603-1868 หรือกล่าวก็คือ ต้นไม้เหล่านี้มีอายุยาวนานถึง 300-400 ปีเลยทีเดียว และบนเนิน คุณจะได้พบกับธรรมชาติที่สวยงามของจังหวัดอิวาเตะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภูเขาทาบาชิเนะที่อยู่ไกลๆ หรือแม่น้ำคินุและแม่น้ำคิตาคามิที่ไหลอยู่บริเวณด้านขวา นอกจากนี้ เนินแห่งนี้ยังถูกบันทึกและพูดถึงในหมู่กวีโบราณของญี่ปุ่นมากมาย ด้วยความงดงามของทัศนียภาพและประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ทำให้เนินแห่งนี้ถูกตั้งชื่อว่า เนินสึคิมิซากะ หรือแปลเป็นไทยได้ว่า “เนินชมจันทร์” นั่นเอง
วิหารหลักฮอนโด (Hondō Main Hall)

เมื่อคุณเดินทางบนเนินสึคิมิซากะมาเรื่อยๆ คุณก็จะพบกับวิหารหลักของวัดจูซนจิแห่งนี้อย่าง วิหารหลักฮอนโด ซึ่งพึ่งถูกบูรณะและสร้างขึ้นมาใหม่ในปี 1909 โดยองค์พระพุทธรูปองค์หลักที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารหลักฮอนโดแห่งนี้จะเป็น “ชาคะ เนียวไร” หรือพระพุทธเจ้าแห่งประวัติศาสตร์ ตามความเชื่อของศาสนาพุทธนิกายเทนได นอกจากพระพุทธรูปและวิหารอันสวยงามแล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นของวิหารหลักฮอนโดแห่งนี้ ก็คือในแต่ละด้านของวิหารจะมี “ไฟนิรันดร์” ที่ถูกจุดด้วยเปลวไฟจากวัดเอนเรียคุจิ วัดหลักแห่งนิกายเทนได ซึ่งเชื่อกันว่าเปลวไฟของ “ไฟนิรันดร์” แห่งนี้ ลุกโชติช่วงมาตั้งแต่สมัยที่พระไซโจ ผู้ก่อตั้งนิกายเทนไดเคยจุดเอาไว้ และวัดแห่งนี้ก็ยังถูกยอมรับกันว่าเป็นวัดในนิกายเทนได ที่สำคัญที่สุดในแถบภูมิภาคโทโฮคุอีกด้วย
วิหารทองคนคิจิโด (Konjikidō Golden Hall)

นอกจากวิหารหลักฮอนโดแล้ว ในโซนของวัดจูซนจิก็ยังมีวิหารต่างๆ มากมายเกือบ 20 หลัก ซึ่งแต่ละหลังก็มีความสวยงามและจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป แต่ถ้าพูดถึงวัดจูซนจิแล้ว วิหารอันเป็นไฮไลท์ที่สำคัญที่สุดของที่นี่ก็คือ วิหารทองคนคิจิโด นั้นเอง วิหารทองคนคิจิโดแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นในปี 1124 และถือเป็นเป็นอาคารแห่งเดียวของวัดจูซนจิที่สร้างในศตวรรษที่ 12 และยังคงสภาพเดิมอยู่ได้ในปัจจุบัน ภายในจะมีประดิษฐานไปด้วยพระพุทธรูปปางต่างๆ มากมาย โดยองค์หลักที่เป็นที่เคารพบูชาของวิหารแห่งนี้ก็คือองค์”อะมิตา เนียวไร” หรือพระพุทธเจ้าแห่งแสงสว่างที่ไม่สิ้นสุดของศาสนาพุทธนิกายเทนได นอกจากพระพุทธรูปที่น่าเคารพแล้ว บริเวณตัววิหารไม่ว่าจะเป็นหลังคาหรือผนังไม่ว่าจะนอกหรือใน ทั้งหมดจะถูกประดับไปด้วยทองคำเปลวจนสวยงามอร่ามตา หรือแม้กระทั่งเสา ขื่อ หรือคานต่างๆ ก็มีการประดับประดาฝังมุกอย่างวิจิตรและประณีต เรียกได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมชั้นหนึ่งสมชื่อมรดกโลก
นอกจากความสวยงามที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ความพิเศษของวิหารแห่งนี้คือใต้วิหาร บริเวณที่ประดิษฐานพระพุทธรูป ที่นี่ยังเป็นที่ฝังของ คิโยฮิระ ฟูจิวาระ เจ้าครองนครแห่งโอชู ผู้บูรณะวัดแห่งนี้ให้ใหญ่โตในสมัยศตวรรษที่ 12 และลูกๆ ของเขาไว้อีกด้วย นอกจากความสวยงามแล้ว ที่นี่ยังมีคุณค่าทางประวัติศาตร์ชวนให้คุณตื่นตา อาจจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายไปบ้างที่ในตัววิหารจะห้ามถ่ายรูปด้านใน แต่มั่นใจว่าต่อให้คุณไม่ถ่ายรูป แต่ทัศนียภาพของวิหารแห่งนี้จะทำให้คุณประทับใจจนลืมไม่ลงแน่นอน
พิพิธภัณฑ์ซังโคโซ (Sankōzō Museum)

นอกจากวิหารต่างๆ ที่สวยงามและน่าตื่นตาแล้ว ที่นี่ยังมีอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่น่าสนใจก็คือ พิพิธภัณฑ์ซังโคโซที่ตั้งด้านข้างกับวิหารทองคำคนคิจิโด โดยพิพิธภัณฑ์ซังโคโซแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นมาในปี 2000 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะเก็บรักษาโบราณวัตถุและสมบัติทางวัฒนธรรมต่างๆ ที่อยู่ในวัดจูซนจิแห่งนี้ให้เป็นหลักแหล่งและรักษาให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษา ที่นี่จึงมีการเก็บรักษาสมบัติชาติ งานศิลปวัฒนธรรมต่างๆ เอาไว้มากกว่า 3000 ชิ้นด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปตั้งแต่สมัยเฮอัน พระสูตรซูซนจิที่ได้รับเลือกให้เป็นสมบัติแห่งชาติ หรือเสบียงและสมบัติต่างๆ ของตระกูลฟูจิวาระแห่งโอชู ที่นี่จึงเปรียบกับจดหมายเหตุประวัติศาสตร์ของอดีตอันรุ่งเรืองยาวนานกว่าหลายร้อนปีของวัดจูซนจิแห่งนี้นั่นเอง
การเดินทางมายังวัด จูซนจิ และค่าเข้าชม
แนะนำกันมาขนาดนี้ ไม่ว่าใครก็อยากจะไปสัมผัสมรดกโลกอย่างวัดจูซนจิกันสักครั้งแล้วใช่ไหมล่ะ ในการเดินทางไปยังวัดจูซนจิ วิธีที่ง่ายที่สุดจะเป็นการนั่งรถไฟสาย JR มาลงที่สถานี Hiraizumi จากนั้นต่อรถบัสอีกประมาณ 5 นาที ก็จะถึงวัดชูซนจิได้อย่างไม่ยากเย็น หรือหากใครที่ไม่อยากนั่งรถบัส และต้องการเดินชมวิวทิวทัศน์และความสงบของจังหวัดอิวาเตะ ก็สามารถเดินตรงจากสถานีไปยังวัดไปได้เลย โดยใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที
ในส่วนของค่าเข้าชม จริงๆ แล้วการเข้าไปสักการะในโซนของวัดจูซนจิจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เลย แต่ถ้าคุณต้องการจะเข้าไปชมวิหารทองคนคิจิโดหรือสมบัติชาติในพิพิธภัณฑ์ซังโคโซ ก็อาจจะมีค่าเข้าชมเล็กน้อยตามรายละเอียดด้านล่าง ซึ่งบอกเลยว่าถูกมากๆ เมื่อเทียบกับความประทับใจที่จะได้รับ
ผู้ใหญ่ | 1,000 เยน |
เด็กมัธยมปลาย | 700 เยน |
เด็กมัธยมต้น | 500 เยน |
เด็กประถม | 300 เยน |
วัดจูซนจิ
ที่อยู่ : Koromonoseki-202 Hiraizumi, Nishiiwai District, Iwate 029-4195
เวลาเปิด-ปิด : 1 มีนาคม – 3 พฤศจิกายน 8:30~17:00
4 พฤจิกายน – สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 8:30~16:30
(ไม่มีวันหยุด)
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/vb3JiLKfuJQnHTQr5
เบอร์โทร : 0191-46-2211
จังหวัดอิวาเตะอาจจะเป็นจังหวัดที่คนไทยรู้จักกันไม่มากเลยหลายๆ คนอาจจะยังไม่เคยไป แต่ถ้าลองได้ไปดูจะรู้ว่าจังหวัดนี้มีที่เที่ยวและเสน่ห์ที่น่าสนใจมากมาย ถ้าไว้มีโอกาส เราจะมาแนะนำที่เที่ยวของจังหวัดอิวาเตะให้ทุกคนได้รู้จักกันอีกนะ