ถ้าพูดถึงผลไม้ยอดนิยมของคนไทยเมื่อไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น “สตรอว์เบอร์รี่” ต้องเป็นรายชื่ออันดับต้นๆ อย่างแน่นอน ด้วยรสชาติที่หวานอมเปรี้ยว กลิ่นที่หอมเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งหาซื้อได้ง่ายและเข้ากับของหวานชนิดอื่นๆ ได้หลากหลาย ทำให้ สตรอว์เบอร์รี่ ถือเป็นผลไม้ยอดนิยมของ ญี่ปุ่น และมีสายพันธุ์ต่างๆ ให้เลือกมากมาย
แต่เมื่อมีสายพันธุ์ให้เลือกมากมาย ก็ไม่แปลกที่บางครั้งเราก็ไม่รู้ว่าสตรอว์เบอร์รี่แต่ละสายพันธุ์แตกต่างกันอย่างไรและชั่งใจไม่ถูกว่าจะเลือกซื้อพันธุ์ไหนดี ดังนั้นในครั้งนี้ เราจะมาแนะนำ สตรอว์เบอร์รี่ สายพันธุ์ ญี่ปุ่น ว่าแต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างกันอย่างไร และสามารถหาทานได้ตอนไหน ถ้าพร้อมแล้ว เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
อามาโอ (あまおう) (ฤดูเก็บเกี่ยว : เดือนธันวาคม – เดือนมีนาคม)

มาเริ่มกันที่สตรอว์เบอร์รี่สายพันธุ์โปรดของคนไทยอย่าง อามาโอ กันดีกว่า สำหรับสายพันธุ์นี้ มีต้นกำเนิดอยู่ที่จังหวัดฟุกุโอกะทางทิศใต้ของญี่ปุ่น มีจุดเด่นที่รสชาติหวานโดดเด่นกว่าพันธุ์อื่นๆ ตัวผลมีเนื้อแน่น ฉ่ำน้ำ และขนาดผลโดยเฉลี่ยใหญ่กว่าพันธุ์ทั่วไป โดยจุดเด่นทั้งหมดก็สามารถอธิบายได้จากตัวอักษรของชื่อสายพันธุ์นี้ ได้แก่ あ จาก 甘い ที่แปลว่า “หวาน” ま จาก 丸い ที่แปลว่า “กลม” お จาก 大きい ที่แปลว่า “ใหญ่” และสุดท้ายคือ う ที่มาจาก うまい ที่แปลว่า “อร่อย” นั่นเอง
โทจิโอโตเมะ (とちおとめ) (ฤดูเก็บเกี่ยว : เดือนพฤศจิกายน – เดือนพฤษภาคม)

ถัดมาที่สายพันธุ์ยอดนิยมของฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่นอย่าง โทจิโอโตเมะ กันบ้าง สำหรับสายพันธุ์นี้ เป็นสายพันธุ์เก่าแก่ตั้งแต่ปี 1996 ที่มีต้นกำเนิดที่จังหวัดโทจิกิ มีลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัดคือ ปลายผลที่แหลมและรูปทรงที่เรียวยาว สำหรับรสชาติของสายพันธุ์นี้จะมีรสชาติติดหวานตัดเปรี้ยวกำลังพอดี เนื้อฉ่ำแน่น และเนื่องจากสตรอว์เบอร์รี่พันธุ์โทจิโอโตเมะเป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูง ทำให้พันธุ์นี้เป็นสตรอว์เบอร์รี่ที่ราคาไม่สูงมากและสามารถพบได้ทั่วไปตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป จึงหากินได้ง่ายสำหรับนักท่องเที่ยว
เบนิฮอปเปะ (紅ほっぺ) (ฤดูเก็บเกี่ยว : เดือนธันวาคม – เดือนพฤษภาคม)

ถัดมากับสตรอว์เบอร์รี่ชื่อน่ารักอย่าง เบนิฮอปเปะ กันบ้าง พูดถึงชื่อสายพันธุ์กันก่อน เบนิฮอปเปะ มาจากภาษาญี่ปุ่นที่มีความหมายว่า “แก้มสีแดง” อันมีที่มาของชื่อมาจากผลสีแดงสดทั้งภายในและภายนอก และรสชาติที่หวานอมเปรี้ยว อร่อยจนทานแล้วแก้มแดงนั่นเอง ในส่วนของรูปลักษณ์ นอกจากสีแดงจัดจนเป็นเอกลักษณ์แล้ว สตรอว์เบอร์รี่สายพันธุ์เบนิฮอปเปะยังมีลักษณะที่ผลยาวรี ปลายมน ผิวเป็นมันเงา และกลิ่นหอมคล้ายกับน้ำผึ้งเมื่อผลสุก และเนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่หาซื้อง่ายและราคาไม่สูง นี่ก็เป็นอีกสายพันธุ์ที่เราอยากแนะนำให้ลองชิมดู
อากิฮิเมะ (章姫) (ฤดูเก็บเกี่ยว : เดือนธันวาคม – เดือนพฤษภาคม)

สำหรับสตรอว์เบอร์รี่สายพันธุ์ อากิฮิเมะ นี้ เป็นสายพันธุ์ที่ถือกำเนิดที่จังหวัดชิซุโอกะโดยเกษตรกรที่ชื่อว่าฮากิวาระ อากิฮิโระ ซึ่งชื่อของสายพันธุ์นี้ ก็คือการเอาคำว่า “อากิ” ในชื่อของเขามารวมกับคำว่า “ฮิเมะ” ที่แปลว่าเจ้าหญิง รวมกันกลายเป้นชื่อสายพันธุ์นั้นเอง สำหรับจุดเด่นของสตรอว์เบอร์รี่สายพันธุ์นี้ อยู่ที่รูปทรงผลที่สวย มีลักษณะเรียวยาวเป็นพิเศษมากกว่าพันธุ์อื่นๆ นอกจากนี้ยังมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มฟู ผิวแวววาวเป็นสีแดงสวย ในส่วนของรสชาติก็ให้รสที่หวานเป็นพิเศษ มีรสเปรี้ยวน้อยจนแทบจะไม่เปรี้ยวเลย อีกทั้งยังเปลือกบางและให้รสสัมผัสที่นุ่ม จึงทำให้สตรอว์เบอร์รี่สายพันธุ์อากิฮิเมะเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ยอดนิยมที่คนญี่ปุ่นและคนไทยให้ความโปรดปรานมาโดยตลอด
สกายเบอร์รี่ (スカイベリー) (ฤดูเก็บเกี่ยว : เดือนธันวาคม – เดือนเมษายน)

มาต่อกันที่สตรอว์เบอร์รี่สายพันธุ์เกิดใหม่กันบ้าง สำหรับสกายเบอร์รี เป็นพันธุ์ที่พึ่งปรับปรุงได้สำเร็จและเกิดใหม่เมื่อปี 2011 นี้เอง โดยสายพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดที่จังหวัดโทจิกิ มีลักษณะคือผลที่ใหญ่เป็นพิเศษ โดยใหญ่กว่าผลสตรอว์เบอร์รี่ทั่วไปเฉลี่ย 1.5 เท่า สีของผลเป็นสีแดงสด ให้กลิ่นหอมที่โดดเด่น มีรสหวานนำ เปรี้ยวน้อยและรสสัมผัสที่ชุ่มฉ่ำ นอกจากนี้ ที่มาของชื่อสายพันธุ์ก็ไม่ธรรมดา เพราะชื่อ สกายเบอร์รี นี้เป็นชื่อที่ได้มาจากการประกวดตั้งชื่อในปี 2012 จากจำนวน 4,388 ชื่อเลยทีเดียว
ยูเมะโนะกะ (ゆめのか) (ฤดูเก็บเกี่ยว : เดือนธันวาคม – เดือนพฤษภาคม)

ยังคงตามมากับสตรอว์เบอร์รี่ที่มีจุดเด่นตรงที่ผลขนาดใหญ่กินแล้วจุใจ สำหรับสายพันธุ์ ยูเมะโนะกะ นี้ มีถิ่นกำเนิดที่จังหวัดไอจิ และมีการปลูกแพร่หลายในจังหวัดต่างๆ เช่นนางาซากิ จุดเด่นที่ต้องพูดถึงของพันธุ์คือขนาดผลที่ใหญ่เป็นพิเศษ โดยแต่ละลูกมีน้ำหนักเฉลี่ยมากถึง 20 กรัมต่อ 1 ลูกเลยทีเดียว สำหรับรสชาติ สายพันธุ์นี้จะออกไปทางหวานอมเปรี้ยวกำลังพอดี รูปทรงก็เป็นรูปทรงหยดน้ำสวยงามและสีผลก็เป็นสีแดงสดน่ารับประทาน และสุดท้าย ในส่วนของความหมายของชื่อสายพันธุ์อย่าง ยูเมะโนะกะ ก็มีความหมายว่า ผลไม้ในความฝัน นั่นเอง
ยาโยอิฮิเมะ (やよいひめ) (ฤดูเก็บเกี่ยว : เดือนพฤศจิกายน – เดือนพฤษภาคม)

สตรอว์เบอร์รี่สายพันธุ์ถัดมาที่เราอยากจะแนะนำก็คือ ยาโยอิฮิเมะ จากจังหวัดกุนมะ สำหรับสตรอว์เบอร์รี่พันธุ์นี้ เป็นพันธุ์ที่เกิดจากการผสมสายพันธุ์ของโทเนะ ฮปเปะ (とねほっぺ) กับโทจิโอโตเมะ (とちおとめ) เข้าด้วยกัน และจดทะเบียนสายพันธุ์ในปี 2005 ลักษณะเด่นของสตรอว์เบอร์รี่พันธุ์นี้อยู่ที่สีที่แดงสดและผลที่ใหญ่ ในส่วนของรสชาติ สตรอว์เบอร์รี่พันธุ์นี้จะหวานกำลังดี ในขณะเดียวกันก็มีรสเปรี้ยวตัดพอให้อร่อย นอกจากนี้ อีกจุดเด่นของสายพันธุ์ก็คือสามารถเก็บได้นานกว่าพันธุ์ทั่วไปโดยที่คุณภาพไม่เปลี่ยน จึงเหมาะกับการซื้อมาทีละเยอะๆ เพื่อเก็บไว้กินนาน ๆ ที่สุด
มิกาคิอิจิโกะ (ミガキイチゴ) (ฤดูเก็บเกี่ยว : เดือนพฤศจิกายน – เดือนมิถุนายน)

มาพูดถึงสตรอว์เบอร์รี่สายพันธุ์พรีเมี่ยมกันบ้าง สำหรับ มิกาคิอิจิโกะ พันธุ์นี้ เป็นพันธุ์ที่ถือกำเนิดขึ้นจากโครงการฟื้นฟูจังหวัดมิยากิ หลังจากที่ประสบเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปีค.ศ. 2011 โดยบริษัทด้านไอทีแห่งหนึ่งในโตเกียว ซึ่งการปลูกสตรอว์เบอร์รี่สายพันธุ์นี้มีความแตกต่างกับสายพันธุ์อื่นตรงที่มีการใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีขั้นสูงต่างๆ ในการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นต่างๆ อย่างพิถีพิถันและเข้มงวด ทำให้สตรอว์เบอร์รี่พันธุ์นี้มีรูปทรงที่สวยงามและหวานอร่อย จนได้สมญานามว่า “อัญมณีที่ทานได้” เลยทีเดียว
ฮัทสึโค่ยโนะคาโอริ (初恋の香り) (ฤดูเก็บเกี่ยว : เดือนธันวาคม – เดือนมีนาคม)

ยังคงต่อกันมากับสตรอว์เบอร์รี่สายพันธุ์พรีเมี่ยม สำหรับสายพันธุ์นี้ ใครเห็นก็ต้องรู้สึกแปลกตาจากสีขาวอมชมพูอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ เพราะ ฮัทสึโค่ยโนะคาโอริ สายพันธุ์นี้ เป็นสายพันธุ์ที่ถูกปรับปรุงใหม่ในปี 2009 ให้ลูกออกมาเป็นสีขาวอมชมพูสุดน่ารัก โดยจุดเด่นของสตรอว์เบอร์รี่สายพันธุ์นี้ก็คือกลิ่นหอมที่โดดเด่นสมชื่อสายพันธุ์ที่แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “กลิ่นหอมของรักแรก” ในส่วนของรสชาติ รสชาติจะนวลๆ หวานไม่มาก เปรี้ยวกำลังดี แม้ในด้านรสชาติจะไม่โดดเด่นเท่ากับสายพันธุ์อื่นๆ แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและกลิ่นที่หอมเป็นเอกลักษณ์ ทำให้สายพันธุ์นี้เป็นสตรอว์เบอร์รี่สายพันธุ์พรีเมี่ยมที่ราคาต่อลูกสูงเป็นอันดับต้นๆ
บิจินฮิเมะ (美人姫) (ฤดูเก็บเกี่ยว : เดือนมกราคม – เดือนมีนาคม)
-1-1024x576.jpeg)
ถ้าพูดถึงสตรอว์เบอร์่สายพันธุ์พรีเมี่ยม จะไม่พูดถึงสายพันธุ์นี้ก็คงจะไม่ได้ กับ บิจินฮิเมะ สตรอว์เบอร์รี่ที่ได้ชื่อว่าแพงที่สุดในญี่ปุ่น โดยสายพันธุ์นี้เป็นสตรอว์เบอร์รี่ที่ปลูกกันในจังหวัดกิฟุ มีจุดเด่นที่ชัดเจนที่สุดก็คือขนาดที่ใหญ่มาก สำหรับความใหญ่นี้จะขึ้นอยู่กับเกรดและผลผลิตในปีนั้นๆ โดยบางลูกมีขนาดใหญ่เกือบเท่าลูกเทนนิสเลยทีเดียว ในส่วนของรสชาติ แม้จะมีคำกล่าวว่าผลไม้ยิ่งใหญ่จะยิ่งจืด แต่สำหรับเบนิฮิเมะแล้ว แม้จะลูกใหญ่แค่ไหน รสชาติก็จะยังหวานโดดเด่น เปรี้ยวน้อย และมีกลิ่นหอม ล้ำค่าสมชื่อสายพันธุ์ที่แปลเป็นไทยได้ว่า “เจ้าหญิงผู้งดงาม” ด้วยความพิถีพิถันและความยากในการปลูก ทำให้สตรอว์เบอร์รี่สายพันธุ์นี้ปีนึงมีผลผลิตเพียงแค่ประมาณ 500 ลูกต่อปีเท่านั้น และนี่ทำให้ราคาต่อลูกของสตรอว์เบอร์รี่สายพันธุ์นี้สูงมาก โดยแพงที่สุดเกือบ 16,000 บาทต่อลูกเลยทีเดียว
เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่จริงจังเรื่องการปรับปรุงสายพันธุ์ผลไม้ ทำให้ในแต่ละปีก็มักจะมีผลไม้สายพันธุ์ใหม่ๆ อร่อยๆ มาให้เรารู้จักอยู่เสมอ และสำหรับคนที่รักสตรอว์เบอร์รี่ บางไร่ในญี่ปุ่นยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ไปเด็ดผลกินสดๆ จากต้นแบบบุฟเฟ่ต์อีกด้วย ถ้าไว้มีโอกาส เดี๋ยวเราจะมาแนะนำกันให้ทุกคนรู้จักอีกครั้งนะ