ถ้าพูดถึงฤดูกาลที่คนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นกันเป็นจำนวนมาก “ฤดูใบไม้ร่วง” ต้องเป็นเมนูที่เป็นคำตอบแรกๆ ในใจหลายๆ คนแน่นอน เพราะฤดูใบไม้ร่วงนั้นถือเป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่วิวทิวทัศน์จะสวยงามและให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากฤดูอื่น เพราะใบไม้ตามสถานที่ท่องเที่ยวจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ส้ม หรือแดงตามแต่ละประเภทต้นไม้ จนกลายเป็นวิวทิวทัศน์สวยงามและน่าประทับใจ
และถ้าพูดถึงสถานที่ดูใบไม้เปลี่ยนสี หลายๆ คนอาจจะนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวตามต่างจังหวัด หรือตามธรรมชาติหรือหุบเขาต่างๆ แต่รู้หรือไม่ว่าในตัวเมืองโตเกียว ก็มีสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีขึ้นชื่อที่สวยไม่แพ้ที่ไหนในญี่ปุ่นอยู่ด้วย สถานที่นี้ก็คือ Showa Kinen Park ที่เราจะมาแนะนำให้รู้จักกันในครั้งนี้นั้นเอง
ทำความรู้จักกับ Showa Kinen Park

อันดับแรกเลย เรามาทำความรู้จักกับ Showa Kinen Park หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Showa Memorial Park แห่งนี้กันก่อน สวนสาธารณะที่มีคุณสมบัติเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นมาในปี 1983 เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีแห่งการครองราชย์ของสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ หรือที่มีพระราชสมัญญานามและรู้จักกันในฐานะของจักรพรรดิโชวะ
โดยเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการครองราชย์ครบ 50 ปี ทางรัฐบาลจึงได้มีโครงการสร้างสวนสาธารณะแห่งนี้บนพื้นที่เดิมของฐานทัพอากาศทาจิคาวะของกองทัพสหรัฐฯ ภายใต้แนวคิดที่ว่า “การฟื้นฟูความเขียวขจีและการยกระดับความเป็นมนุษย์” เพื่อให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนญี่ปุ่นและเพื่อทำกิจกรรมหลากหลายท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ โดยที่นี่มีขนาดกว้างใหญ่ถึง 16,300 เอเคอร์
ความพิเศษของที่นี่นอกจากพื้นที่ที่กว้างใหญ่แล้ว ที่นี่ยังเต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียวจากต้นไม้นานาชนิดไม่ว่าจะเป็นต้นแปะก๊วย, ต้นซากุระ, ต้นเมเปิ้ล และดอกไม้นานาพรรณ ซึ่งพร้อมใจจะเปลี่ยนสีหรือออกดอกเมื่อถึงฤดูกาลที่เหมาะสม จึงไม่เแปลกเลยว่าทำไมที่นี่ถึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยมในเมืองโตเกียว และมีคนมาเยี่ยมชมกว่าสี่ล้านคนและแต่ละปี
ไฮไลท์ภายในสวน

สำหรับภายในโซน ด้วยความที่มีขนาดใหญ่มาก ที่นี่จึงจะแบ่งเป็น 5 โซนได้แก่
1.) โซนวัฒนธรรมสีเขียวที่อยู่ติดกับรถไฟฟ้าและใจกลางเมือง ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมแนวคิดพื้นที่สีเขียวในเมือง และเป็นโซนที่เข้าชมฟรี
2.) โซนนิทรรศการที่จะเป็นโซนที่เอาไว้จัดนิทรรศการหรืองานอีเว้นท์กลางแจ้งต่างๆ
3.) โซนน้ำ ที่มีไฮไลท์เป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง เป็นการผสานภูมิทัศน์ระหว่างต้นไม้และบ่อน้ำ
4.) โซนลานกว้าง ที่เป็นพื้นที่กว้างสุดลูกหูลูกตา และเป็นโซนที่ใช้จัดกิจกรรมสันทนาการต่างๆ เช่นกีฬากลางแจ้งหรือบาร์บีคิว
5.) โซนป่าไม้ ที่เน้นไปที่ต้นไม้ยืนต้น สะท้อนแนวคิดหลักของสวนที่ว่า “การฟื้นฟูสีเขียว” ในโซนจึงเป็นลักษณะคล้ายป่าทึบ จนไม่อยากเชื่อเลยว่าอยู่กลางเมืองใหญ่
และอย่างที่เราบอกว่าที่นี่มีขนาดใหญ่มาก เรียกได้ว่าเดินได้ทั้งวัน แต่สำหรับใครที่มีเวลาไม่มาก เราก็คัดจุดไฮไลท์เด็ดๆ ที่ไม่ควรพลาดของที่นี่มาให้เรา ตามด้านล่างนี้เลย
Canel

ถ้าคุณเข้ามาทางประตูทาจิกาวะ สิ่งแรกที่เห็นคือ Canel แห่งนี้นั้นเอง สำหรับทางน้ำนี้จะเป็นทางน้ำที่ทำเป็นเส้นตรงยาว 200 เมตร ประกอบด้วยน้ำพุ 5 แห่ง และจุดสำคัญคือมีต้นแปะก๊วยทั้งหมด 106 ต้นเรียงรายอยู่ด้านข้าง ทำให้ในฤดูใบไม้ร่วง สองข้างทางจะเป็นสีเหลืองสวยตัดกับทางน้ำที่เป็นเส้นตรง จนนี่กลายเป็นหนึ่งในสองจุดชมต้นแปะก๊วยที่ดีที่สุดของสวนอนุสรณ์โชวะ
Ginko Tree Avenue

ถ้าบอกว่า Canel เป็นหนึ่งในสองจุดชมต้นแปะก๊วยที่ดีที่สุด อีกที่หนึ่งก็เป็นที่นี่ Ginko Tree Avenue แห่งนี้จะเป็นทางเดินยาว 300 เมตรที่สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นแปะก๊วย ซึ่งความพิเศษของต้นแปะก๊วยตรงนี้คือเป็นต้นไม้ที่เจริญเติบโตแบบธรรมชาติ ไม่ได้มีปัจจัยด้านทางลมหรือมีการตัดตกแต่งแบบบริเวณ Canel ทำให้ต้นไม้บริเวณนี้ขยายก้านกิ่งได้อย่างเต็มที่ กลายทางเดินสีเหลืองในฤดูใบไม้ร่วงราวกับเราอยู่ในอุโมงค์
Open Field

นอกจากจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว ที่นี่ก็ยังมีจุดสวยๆ อีกเพียบ หนึ่งในนั้นก็คือทุ่ง Open Field ที่เป็นทุ่งกว้างๆ ประมาณ 27 เอเคอร์ซึ่งมีต้นเซลโควาขนาดใหญ่ สูงกว่า 20 เมตร ตั้งอยู่โดดเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงกลาง ซึ่งนอกจากทุ่งหญ้ากว้างๆ ที่ให้คุณสามารถปิกนิกหรือนอนพักผ่อนแล้ว รอบๆ ก็ยังมีทุ่งดอกไม้สวยๆ ที่จะบานสะพรั่งตามฤดูกาลต่างๆ เช่นหน้าร้อนหรือฤดูใบไม้ผลิ ถือเป็นจุดสวยๆ ที่อยากแนะนำให้มาถ่ายรูปดู
Cherry Blossom Garden

นอกจากต้นแปะก๊วยในฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่ก็มีต้นซากุระสวยๆ ให้ชมในฤดูใบไม้ผลิด้วยนะ โดยที่ Cherry Blossom Garden ซึ่งตั้งอยู่ข้างๆ Open Field แห่งนี้ มีต้นซาการะ 1,500 ต้น ที่จะบานสะพรั่งเป็นสีชมพูพร้อมกันในฤดูใบไม้ผลิ กล่าวคือไม่ว่าจะเป็นฤดูไหน ที่นี่ก็มีทิวทัศน์สุดประทับใจให้เราได้ไปสัมผัส
กิจกรรมภายในสวน

นอกจากจุดชมวิวต่างๆ แล้ว ที่นี่ก็มีกิจกรรมให้ทำด้วย อย่างที่เราบอกไปว่าที่นี่ถือเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวโตเกียว ที่นี่จึงมีสถานที่สำหรับทำกิจกรรมสันทนาการต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นลานบาร์บีคิว หรือลานกีฬาชนิดต่างๆ เช่นฟุตซอล เปตอง บาสเกตบอล โบว์ลิ่งและอื่นๆ อีกมากมาย
นอกจากนี้ที่นี่ก็มีเส้นทางจักรยานภายในสวนและจักรยานให้เช่าขับ บริการเช่าเรือทั้งเรือพายและเรือปั่นสำหรับปั่นเล่นในบ่อน้ำ บริการนั่งรถไฟน่ารักๆ สำหรับเยี่ยมชมภายในสวน หรือมีแม้กระทั่งบริการห้องแบบญี่ปุ่นสำหรับทำพิธีชงชาแบบดั้งเดิม ทั้งหมดมีค่าบริการเพียงเล็กน้อยเป็นค่าธรรมเนียม ซึ่งใครที่สนใจ ก็สามารถดูรายละเอียดเช่นราคาหรือเงื่อนไขต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์ของสวนสาธารณะทางด้านนี้เลย (User guide – 国営昭和記念公園公式ホームページ)
วิธีการเดินทางและข้อมูลต่างๆ
สำหรับใครที่อยากมาเที่ยวที่นี่ ก็บอกเลยว่าสะดวกสุดๆ เพราะสามารถนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Tachikawa ได้โดยตรง ถ้านั่งมาจากสถานี Shinjuku ก็สามารถนั่งผ่านสาย Chuo Line โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 26 นาทีเท่านั้น ซึ่งถ้าใครมาด้วยสถานี Tachikawa ก็สามารถออกได้ที่ North gate แล้วเดินต่อมาอีกประมาณ 18 นาที แต่ถ้าใครไม่อยากเดินไกล ก็สามารถต่อรถไฟมาลงสถานี Nishi-Tachikawa ของสาย Ome Line ได้เหมือนกัน โดยที่สายนี้จะลงมาที่หน้าสวนสาธารณะเลย เดินต่อเพียงแค่ 2 นาที เรียกได้ว่าใกล้สุดๆ
และในส่วนของเวลาเปิดปิด ค่าตั๋วเข้าชม แผนและวันหยุดต่างๆ เราก็ได้เรียบเรียงข้อมูลมาให้แล้ว สามารถดูได้ตามนี้เลย
Showa Kinen Park
เวลาเปิด-ปิด : เดือนมีนาคม – เดือนตุลาคม 9.30 – 17.00 เดือน เดือนพฤศจิกายน – เดือนกุมภาพันธ์ 9.30 – 16.30 (โซนวัฒนธรรมสีเขียวจะเปิดก่อนโซนอื่น 1 ชม.)
วันหยุด : วันสิ้นปีและวันปีใหม่, วันจันทร์ถึงศุกร์ที่สามของเดือนมกราคม
ค่าบัตรเข้าชม : บุคคลทั่วไป 450 เยน, ผู้สูงอายุ 210 เยน, เด็กมัธยมต้นลงไปเข้าฟรี
เบอร์โทรศัพท์ : +81425281751