ถ้าพูดถึงวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น หลายๆ คนอาจจะนึกถึง “การแช่ออนเซ็น” หรือการแช่น้ำพุร้อนเพื่อให้ร่างกายผ่อนคลายและสุขภาพดี แต่หลายๆ คนอาจจะยังไม่ทราบว่านอกจากการแช่น้ำพุร้อนแล้ว ที่เมืองเบปปุแห่งจังหวัดโออิตะ ที่นี่ยังมีกิจกรรมเพื่อสุขภาพและผ่อนคลายอีกอย่างที่เรียกว่าการแช่ “ออนเซ็นทราย” อีกด้วย มันคืออะไรและมีประโยชน์อะไร เราไปทำความรู้จักไปพร้อมๆ กันดีกว่า
ทำความรู้กับกับเมืองเบปปุ

ก่อนจะมาเล่าเรื่องของ “ออนเซ็นทราย” เรามาทำความรู้จักกับเมืองเบปปุกันก่อนดีกว่า เมืองเบปปุตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลของจังหวัดโออิตะแห่งภูมิภาคคิวชู มีขนาดประมาณ 125.34 ตร.กม. และประชากรประมาณหนึ่งแสนคน แม้จะเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีพื้นที่และประชากรไม่มากนัก แต่ด้วยความที่เมืองนี้ตั้งอยู่ในแถบภูเขาไฟ ที่นี่จึงเต็มไปด้วยน้ำพุร้อนจำนวนมาก เมื่อผสานกับทิวทัศน์ที่งดงามและธรรมชาติที่มหัศจรรย์แล้ว ที่นี่จึงกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวพักตากอากาศยอดนิยมของประเทศญี่ปุ่น จนได้ชื่อเสียงอันโด่งดังว่าเป็น “เมืองแห่งออนเซ็นของญี่ปุ่น” เลยทีเดียว
แม้เมืองเบปปุจะขึ้นชื่อเรื่องบ่อน้ำพุร้อน และมีบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงมากมาย แต่นั่นไม่ใช่เนื้อหาหลักของเราในวันนี้ เพราะในวันนี้ สิ่งที่เราจะพูดถึงก็คือเคล็ดลับแห่งความสุขภาพดีของชาวเบปปุ และเป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้เพียงไม่กี่แห่งในญี่ปุ่นอย่าง “ออนเซ็นทราย” นั้นเอง
การแช่ ออนเซ็นทราย

ด้วยความที่เป็นเมืองภูเขาไฟ นอกจากบ่อน้ำพุร้อนจำนวนมากแล้ว เมืองเบปปุแห่งนี้ยังมีความร้อนจากใต้พิภพคอยช่วยอุ่นให้ทรายบริเวณใกล้ชายฝั่งทะเลหรือบ่อน้ำพุร้อนมีความระอุอยู่เสมอ ชาวญี่ปุ่นจึงได้มีไอเดียนำตัวเองเข้าไปแช่ในทรายร้อนเหล่านี้ในลักษณะคล้ายกับการแช่ออนเซ็นทราย เพื่อได้สรรพคุณต่างๆ ทางสุขภาพที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากการแช่บ่อน้ำร้อนตามปกติ
โดยการแช่ออนเซ็นทรายแบบนี้มีคุณประโยชน์ทางสุขภาพมากมาย โดยเริ่มตั้งแต่การช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต เพราะความร้อนจากทรายจะช่วยทำให้เส้นเลือดขยายตัว เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้ร่างกายขับเหงื่อและของเสียได้ง่ายขึ้น เป็นลักษณะคล้ายกับการ Detox นั้นเอง

นอกจากคุณประโยชน์ด้านการไหลเวียนโลหิตและการขับเหงื่อขับของเสียแล้ว การแช่ตัวในทรายร้อนยังช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อ มีส่วนช่วยในการรักษาและบรรเทาโรคไขข้ออักเสบ และอาการปวดเมื่อย อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการบำรุงผิวพรรณและความงาม เพราะความร้อนในทรายเหล่านี้จะช่วยเปิดรูขุมขน กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว และอาจช่วยลดอาการผิวหนังบางประเภท และท้ายที่สุด ยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นระบบเผาผลาญเพื่อลดไขมัน เรียกได้ว่าคุณประโยชน์มากมาย จนเป็นเคล็ดลับสุขภาพดีของคนเบปปุและชาวญี่ปุ่นจริงๆ
พูดถึงข้อดีกันมาขนาดนี้ เรามาพูดถึงขั้นตอนการแช่ออนเซ็นทรายกันบ้างดีกว่า การแช่ออนเซ็นทรายจะไม่ใช่การถอดเสื้อเอาตัวเปล่าๆ ไปแช่ในทรายเหมือนกับการแช่ออนเซ็นปกติ แต่เป็นการเปลี่ยนเป็นชุดยูกาตะสไตล์ญี่ปุ่นแล้วค่อยลงไปนอนในบ่อทรายร้อนที่ทางสถานที่จัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งบางแห่งจะมีคนช่วยโกยทรายมากลบเราอีกแรงหนึ่ง การแช่ออนเซ็นทรายแบบนี้จะเป็นการแช่ลงไปทั้งตัวเลย เหลือเพียงแค่หัวเท่านั้นที่พ้นมาจากทราย ซึ่งโดยปกติเราจะแช่ออนเซ็นทรายประมาณ 10 – 15 นาที จากนั้นค่อยไปล้างตัวในน้ำสะอาด ซึ่งบางที่ จะมีบริการให้เราแช่ออนเซ็นต่อด้วยเลย
ออนเซ็นทราย ที่น่าสนใจ
แนะนำกันมาขนาดนี้ ทุกคนอาจจะเริ่มสนใจกิจกรรมที่เรียกกันว่าการแช่ออนเซ็นกันบ้างแล้วใช่ไหมล่ะ สำหรับคนที่สนใจจะมาลองแช่ทรายร้อนเพื่อสุขภาพในเมืองเบปปุแห่งนี้ เราก็จะขอแนะนำสถานที่แช่ทรายร้อนที่น่าสนใจตามรายละเอียดด้านล่าง จะมีที่ไหนกันบ้าง เรามาดูกันเลยดีกว่า
Hyotan Onsen

โรงบ่อน้ำร้อนเก่าแก่ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1922 และพึ่งรีโนเวทครั้งใหญ่เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา นอกจากน้ำพุร้อนอันเป็นน้ำแร่ธรรมชาติ 100% อันเป็นจุดขายหลักของที่นี่แล้ว ที่นี่ก็ยังมีบริการแช่ออนเซ็นทรายให้ทุกคนได้ลองสัมผัสประสบการณ์กันอีกด้วย สำหรับการแช่ออนเซ็นทรายของที่นี่จะเป็นการแช่ในร่มซึ่งให้ความรู้สึกของความเป็นส่วนตัว โดยที่นี่จะเป็นลักษณะให้เราเลือกความร้อนของบ่อทรายและขุดลงไปนอนด้วยตัวเอง ซึ่งทรายของที่นี่จะเป็นทรายธรรมชาติ 100% จากชายหาดเบปปุ และอบด้วยไอน้ำร้อนจากบ่อน้ำพุร้อน ทำให้ทรายมีลักษณะแห้งและเบา ไม่หนักตัวเหมือนทรายเปียก ซึ่งหลังจากคุณแช่ออนเซ็นทรายเสร็จแล้ว เราก็สามารถไปแช่ออนเซ็นปกติหรืออบซาวน่าต่ออีกได้ เรียกได้ว่าที่เดียวครบจบทุกบริการเลยทีเดียว
สำหรับที่นี่การชำระค่าบริการจะเป็นลักษณะจ่ายเงินค่าเข้าประตู ซึ่งหลังจากชำระเงินแล้ว คุณจะสามารถใช้บริการได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นออนเซ็นปกติ ออนเซ็นทราย หรือห้องซาวน่า แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับยูกาตะที่ใช้เช่าเพื่อแช่ออนเซ็นทราย จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมคนละ 760 เยน (เด็ก 540 เยน) สำหรับค่าเข้าประตู จะตามข้อมูลด้านล่างเลย
ผู้ใหญ่ | 1,020 เยน |
เด็ก (7-12 ขวบ) | 400 เยน |
เด็กเล็ก (4-6 ขวบ) | 280 เยน |
เด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ | ฟรี |
Hyotan Onsen
ที่อยู่ : 159-2 Kannawa, Beppu, Oita 874-0042, Japan
เวลาเปิด-ปิด : 9.00-12.00 น.
เบอร์โทร : 0977-66-0527
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/W4fNDyWj8KsHNjKQ8
Takegawara Onsen

สำหรับ Takegawara Onsen แห่งนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งโรงออนเซ็นที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองเบปปุ โดยที่นี่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1879 หรือเกือบ 150 ปีมาแล้ว เมื่อคุณก้าวเข้ามาในโรงออนเซ็นแห่งนี้ สิ่งแรกที่คุณจะสัมผัสได้เลยก็คือสถาปัตยกรรมที่สวยงามและอาคารไม้เก่าแก่สุดคลาสสิก พูดถึงเกี่ยวกับออนเซ็นปกติกันก่อน สำหรับที่นี่ ถือเป็นอาคารไม่กี่แห่งที่รอดพ้นจากการโดนทิ้งระเบิดในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ตัวบ่อน้ำร้อนจึงยังคงความคลาสสิกและกลิ่นอายแห่งความดั้งเดิม น้ำพุร้อนของที่นี่ก็เป็นน้ำพุร้อนธรรมชาติแท้ๆ ที่มีแร่ธาตุที่มีคุณประโยชน์มากมาย
ต่อมา มาพูดถึงออนเซ็นทรายกันบ้าง สำหรับออนเซ็นทรายของที่นี่จะแตกต่างตรงที่หลังจากเราเปลี่ยนเป็นชุดยูกาตะสำหรับออนเซ็นทรายเรียบร้อยแล้ว ที่นี่จะมีสตาฟคอยให้คำแนะนำและช่วยกลบทรายให้เราเพื่อแช่ตัวบนผืนทราย และช่วยเราลุกขึึ้นมาหลังแช่ทรายเสร็จ
สำหรับค่าเข้าเพื่อไปแช่ออนเซ็นธรรมดาของที่นี่ จะถือได้ว่าถูกมากๆ เพียงแค่ 300 เยนเท่านั้น แต่หากคุณอยากลองแช่ออนเซ็นทราย จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกคนละ 1,500 เยน ซึ่งรายละเอียดต่างๆ จะตามข้อมูลด้านล่างนี้เลย
ค่าเข้าออนเซ็น
ผู้ใหญ่ (มัธยมต้นขึ้นไป) | 300 เยน |
เด็ก (มัธยมต้นลงมา) | 300 เยน |
เด็กเล็ก (ก่อนเข้าประถม) | ฟรี |
ค่าเข้าออนเซ็นทราย | 1,500 เยน |
Takegawara Onsen
ที่อยู่ : 16-23 Motomachi, Beppu, Oita 874-0944, Japan
เวลาเปิด-ปิด : 6:30 – 22:30 น.
เบอร์โทร : 0977-23-1585
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/i6DF3Fdi7y3kKe2S6
ข้อควรระวังของออนเซ็นทราย
และสุดท้ายที่จะไม่พูดถึงก็ไม่ได้เลย คือข้อควรระวังของออนเซ็นทราย ไม่ว่าอะไร ถ้ามากไปก็ไม่ดีทั้งนั้น การแช่ตัวเองในออนเซ็นทรายก็เช่นด้วยกัน เนื่องจากออนเซ็นทรายมีความร้อนสูงและมีสรรพคุณในการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจ โรคปอด หรือโรคความดันโลหิตสูงไม่ควรเข้าใช้ นอกจากนี้ เรายังไม่แนะนำสำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ หรือสตรีมีครรภ์ เพราะอาจจะส่งผลกระทบได้ง่าย และสุดท้ายก็คือการแช่ออนเซ็นทรายไม่ควรแช่นานเกินไป ควรแช่ประมาณ 10-15 นาทีต่อรอบก็พอแล้ว จากนั้นก็ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อทดแทนเหงื่อที่สูญเสียไป รู้อย่างนี้แล้ว เราก็สามารถเข้าแช่ออนเซ็นทรายได้อย่างปลอดภัยและสุขภาพดี
สำหรับหลายๆ คนที่หลงเสน่ห์ในการแช่ออนเซ็นของญี่ปุ่น เราขอแนะนำให้ลองมาที่เบปปุ เมืองแห่งออนเซ็นแห่งนี้ เพราะนอกจากจะต้องไปด้วยน้ำพุหลากหลายบ่อให้เราได้ลองแล้ว ออนเซ็นทรายก็ยังเป็นหนึ่งในประสบการณ์หายาก ซึ่งเรามั่นใจว่าทุกคนต้องประทับใจอย่างแน่นอน