เฮียวโงะ (Hyogo) 

,

คันไซ (Kansai)

Kobe Suma Seaworld อควอเรียมที่จะได้ทานอาหารพร้อมชมวาฬออร์ก้า

สำหรับคนที่ชอบไปเที่ยวสวนสัตว์หรือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ประเทศญี่ปุ่น ในวันนี้ เรามีจุดเช็กอินใหม่ล่าสุดอยากจะมานำเสนอ และที่นี่อาจจะใหม่สำหรับหลายคนแน่ๆ เพราะสถานที่นี้พึ่งรีโนเวทใหม่และเริ่มเปิดให้บริการเมื่อ 1 มิถุนายน 2024 นี้เอง โดยสถานที่ที่เราจะมาแนะนำในครั้งนี้ก็คือ Kobe Suma Seaworld แห่งเมืองโกเบนั้นเอง

เกี่ยวกับ Kobe Suma Seaworld

Kobe Suma Seaworld

สำหรับอควอเรียมแห่งนี้ ตั้งอยู่ในเขตสุมะ เมืองโกเบ จังหวัดเฮียวโงะ แต่เดิมที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเก่าแก่ที่ชื่อว่า Suma Aqualife Park ซึ่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1957 แต่หลังจากให้บริการมาเกือบ 70 ปี ที่นี่ก็ตัดสินใจรีโนเวทครั้งใหญ่ในปี 2023 และพึ่งมาเปิดให้บริการอีกครั้งในชื่อใหม่ว่า Kobe Suma Seaworld เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2024 ที่ผ่านมานี่เอง

จุดขายและไฮไลท์เด่นของที่นี่ ก็คือ การแสดงโชว์วาฬเพชฌฆาตหรือ “ออร์ก้า” อันเลื่องชื่อ โดยที่นี่จะไม่ได้เน้นเพียงแค่ให้ความบันเทิงเพียงอย่างเดียว แต่ความตั้งใจของอควอเรียมแห่งนี้คือการให้ความบันเทิง ไปพร้อมๆ กับการให้ความรู้และอนุรักษ์ไปพร้อมๆ กัน ที่นี่จึงไม่ใช่เพียงแค่อควอเรียมที่ให้เดินสนุกเพียงอย่างเดียว แต่ก็ให้ทั้งความรู้และแนวคิด เหมาะสำหรับพาเด็กๆ มาเที่ยวและเปิดหูเปิดตาอย่างมาก

AQUA LIVE

เริ่มกันที่ในส่วนของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหรืออควอเรียมกันก่อนดีกว่า สำหรับโซนอควอเรียมของที่นี่ จะมีชื่อว่า AQUA LIVE ที่หมายถึง  “น้ำแห่งชีวิต” และแบ่งเป็นส่วนๆ แยกกันออกไป

AQUA LIVE

โดยในโซนแรกสุดจะชื่อว่า TROPICAL LIFE ที่จะให้คุณดื่มด่ำกับทัศนียภาพของมหาสมุทรแปซิฟิกทั้งบนบกและใต้ทะเล โดยในชั้นหนึ่ง จะเป็นแทงก์น้ำขนาดใหญ่ที่มีความจุน้ำมากกว่า 670 ตัน ภายในบรรจุไปด้วยพันธุ์ปลานานาชนิดทั้งน้อยใหญ่ และเมื่อขึ้นไปบนชั้น 2 คุณก็จะได้พบกับหาดทรายสีขาว ต้นปาล์มที่สูงใหญ่ คลื่นที่ซัดบนชายหาด และแสงธรรมชาติที่กระทบน้ำและหายทราย เรียกได้ว่ายกมหาสมุทรแปซิฟิกมาทั้งบนบกและใต้น้ำอย่างสมบูรณ์แบบ

AQUA LIVE

นอกจากโซน TROPICAL LIFE แล้ว ในชั้นหนึ่งยังมีการจัดแสดงโซนปะการัง ที่ชื่อว่า CORAL MESSAGE อยู่อีกโซน โดยในโซนนี้จะเป็นการจัดแสดงปะการังมีชีวิตเพื่อให้เราได้ศึกษาระบบนิเวศน์ในดงปะการัง และในขณะเดียวกัน ก็เป็นการกระตุ้นให้เราเกิดความคิดอนุรักษ์และหวงแหนเหล่าปะการังพวกนี้ที่กำลังจะสูญหายไปเพราะภาวะโลกร้อนด้วย 

KURAGE LIFE

ถัดขึ้นมาที่ชั้นสอง จะเป็นการจัดแสดงโซนควบกันระหว่างโซน TROPICAL LIFE, KURAGE LIFE และ LOCAL LIFE ในส่วนของ KURAGE LIFE จะเป็นการจัดแสดงเหล่าแมงกะพรุนนานาชนิดในตู้น้ำ โดยภายในจะมีการจัดแสงสี และเงาต่างๆ ให้คุณได้เพลิดเพลินกับแมงกะพรุนเหล่านี้ได้อย่างสบายใจ ลำดับถัดมาในส่วนของโซน LOCAL LIFE โซนนี้จะเป็นการย้อนให้คุณกลับมาดูระบบนิเวศน์ท้องถิ่นของทะเลเซโตะและแม่น้ำรกโกะของโกเบ โดยจะเป็นการจำลองสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตต่างๆ ของท้องถิ่นมาให้เราได้คอยชมและศึกษา เป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อีกรูปแบบหนึ่งของ Kobe Suma Seaworld

ROCKY LIFE

ถัดขึ้นมาอีกชั้น จะเป็นโซนที่เริ่มให้เราได้มีปฏิสัมพันธ์กับสัตว์ในท้องทะเลเช่นปลาดาวในบริเวณที่เรียกว่า Interactive Pool และนอกจากนี้ ยังมีโซนที่ชื่อว่า ROCKY LIFE ซึ่งเป็นโซนที่ให้เราทำความรู้จักกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลอย่างเช่น สิงโตทะเล แมวน้ำ นกเพนกวิน หรือเต่าทะเล ด้วยการสังเกตใต้น้ำในแทงก์ที่ชั้นสาม และมองการใช้ชีวิตบนบกที่ชั้นสี่ และที่พิเศษที่สุดก็คือที่นี่ยังมีกิจกรรมให้เราให้อาหารเต่าทะเลได้อีกด้วย รับรองว่าเหล่าคุณน้องๆ หนูๆ จะต้องชอบอย่างแน่นอน

SUMA COLLECTION

Kobe Suma Seaworld

นอกจากโซนต่างๆ ที่เราแนะนำกันไปในข้างต้น ในตึกอควอเรียมแห่งนี้ยังมีอีกโซนที่ชื่อว่า SUMA COLLECTION ที่เป็นการเก็บรวบรวมและจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ความทรงจำของอควอเรียมแห่งนี้สมัยที่ยังเป็นชื่อเก่าอย่าง Suma Aqualife Park นอกจากรายละเอียดและข้อมูลต่าง ๆ แล้ว ที่นี่ยังมีการจัดแสดงปลาเก่าแก่ที่ Suma Aqualife Park  เคยได้รับมาจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทั่วโลกให้เราเยี่ยมชมอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น “ปลาช่อนยักษ์อเมซอน”  ที่อยู่กับที่นี่มาตั้งแต่ปี 1977 , “ปลาปอดออสเตรเลีย” ที่เคยได้รับเป็นของขวัญจากเมืองพิพิธภัณฑ์ควีนส์แลนด์ตั้งแต่ปี 1961, ปลา “Russian sturgeon” ที่ได้รับจากสหภาพโซเวียตที่อยู่มาตั้งแต่ปี 1977 เรียกได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่มีชีวิตเลยทีเดียว

DOLPHIN STADIUM

Kobe Suma Seaworld

ถัดมาจากโซนอควาเรียม มาต่อกันที่โซนที่ทุกคนชื่นชอบอย่าง DOLPHIN STADIUM กันบ้าง สำหรับโซนนี้ จะเป็นโซนจัดแสดงทุกอย่างที่เกี่ยวกับปลาโลมา โดยจะเริ่มต้นกันตั้งแต่การแสดงโชว์ปลาโลมาที่เป็นไฮไลท์หนึ่งของอควอเรียมแห่งนี้ ที่คุณจะได้รับชมการกระโดด ความแสนรู้ และความน่ารักของปลาโลมาได้อย่างเต็มอิ่ม 

DOLPHIN HALL

นอกจากโชว์ปลาโลมาที่น่าตื่นตาตื่นใจแล้ว ชั้นหนึ่งของอาคารแห่งนี้ยังมี DOLPHIN HALL โซนจัดแสดงปลาโลมาที่ทำจากตู้กระจกอะคริลิกยาวถึง 12 เมตร ให้คุณได้สัมผัสและรับชมทุกการกระทำของปลาโลมาแบบจุใจและใกล้ชิดอย่างที่ไม่มีใครเหมือน

และท้ายสุด ถ้ายังไม่เต็มอิ่มกับปลาโลมา ที่นี่ยังมีโซน DOLPHIN BEACH ที่ให้คุณได้ลองสัมผัสปลาโลมาตัวเป็น ๆ อย่างใกล้ชิดพร้อมกับครูฝึกปลาโลมาอีกด้วย เรียกได้ว่านี่จะเป็นความทรงจำที่คุณจะประทับใจอย่างไม่รู้ลืมแน่นอน

ORCA STADIUM

Kobe Suma Seaworld

ในที่สุดก็มาถึงไฮไลท์ที่สำคัญที่สุดของที่นี่ อันเป็นที่มาของชื่อบทความนี้แล้ว สำหรับโซน ORCA STADIUM นี้ จะเป็นโซนจัดแสดงของวาฬเพชฌฆาตหรือ “ออร์ก้า” อันเลื่องชื่อ ที่มีอยู่ไม่กี่แห่งในโลกและเป็นที่เดียวที่แจัดแสดงในบริเวณตะวันตกของญี่ปุ่น โดยโชว์การแสดงโชว์ของที่นี่จะเป็นการโชว์ของวาฬเพชฌฆาตสองตัวแม่ลูกที่ชื่อว่า “สเตลล่า” และ “รัน” โดยจะมีการโชว์ทั้งกระโดดน้ำ ตีน้ำ และการแสดงคู่กับคู่ฝึกวาฬอันน่าตื่นตาตื่นใจ ให้คุณได้รับชมอย่างเต็มอิ่มและสนุกจนลืมเวลา

นอกจากโชว์ที่น่าตื่นตาตื่นใจแล้ว ที่นี่ยังมีโซนจัดแสดงความรู้เกี่ยวกับวาฬเพชฌฆาตอย่างโซน Orca Hall & Orca Lab โดย 2 โซนนี้ถือเป็นโซนจัดแสดงที่แรกของโลกที่จัดแสดงความรู้เกี่ยวกับวาฬเพชฌฆาตโดยใช้เทคโนโลยีดิจิตอลแบบใหม่ล่าสุดอีกด้วย

Orca Hall

เริ่มกันกันที่โซน Orca Hall ที่ห้องจัดแสดงจอภาพขนาด 6×3 เมตรที่ใช้บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของวาฬเพชฌฆาตในธรรมชาติที่ชิเรโตโกะ จังหวัดฮอกไกโด และสื่อการสอนเรื่องอื่นๆ ที่หมุนเวียนไปตามโอกาสและอีเว้นท์ของที่นี่

Orca Lab

ถัดมากันที่โซน Orca Lab ที่เป็นโซนจัดแสดงทางการศึกษาแห่งแรกของโลกที่ใช้เครื่องมือดิจิตอลในการจัดแสดงและอธิบายเกี่ยวกับระบบนิเวศและธรรมชาติต่างๆ ของวาฬเพชฌฆาต โดยมีไฮไลท์คือโครงกระดูกของวาฬเพชฌฆาตขนาดใหญ่ที่ตั้งโชว์อยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่าให้คุณได้ถ่ายรูปไปอวดคนรู้จัก

Kobe Suma Sea world

และไฮไลท์ท้ายที่สุดของที่นี่ ก็คือห้องอาหาร “Blue Ocean Orca Stadium” ที่จะให้คุณรับประทานแสนอร่อยไปพร้อมกับๆ ชมวาฬเพชฌฆาต ผ่านกระจกอะคริลิกบานใหญ่ที่สูงถึง 21 x 2.7 เมตร ให้คุณดื่มด่ำกับประสบการณ์ที่วิเศษราวกับอยู่ในท้องมหาสมุทรจริงๆ 

Kobe Suma Seaworld

โดยภายในจะแบ่งออกเป็นสามโซนที่ราคาแตกต่างกัน โดยเริ่มที่โซน Ocean area ที่จัดเป็นธีมใต้สมุทร สามารถมองเห็นวาฬเพชฌฆาตได้อย่างจุใจ, โซน Beach area ที่ตกแต่งในธีมชายหาดสำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว และโซน Premium seat ที่ชิดขอบกระจกและเห็นวาฬเพชฌฆาตได้ชัดที่สุด 

นอกจากวิวแล้ว ในส่วนของอาหารก็พิเศษไม่แพ้กัน เพราะที่นี่จัดเป็นอาหารแบบบุฟเฟต์ 80 นาทีที่จะให้คุณกินอาหารแสนอร่อยได้อย่างอิ่มหนำ โดยเน้นไปที่อาหารท้องถิ่นในแถบนี้เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อโกเบอันเลื่องชื่อ ปลาและซูชิที่จับได้ในทะเลแถบนี้ รวมไปถึงอาหารว่างและของหวานต่างๆ ที่ทานได้ทุกเพศทุกวัย ในส่วนของราคา จะเป็นไปตามรายละเอียดด้านล่างนี้เลย

Blue Ocean Orca Stadium

Premium seatOcean areaBeach area
ผู้ใหญ่6,000 เยน5,000 เยน4,000 เยน
เด็ก3,000 เยน2,500 เย2,000 เยน
เด็กเล็ก1,800 เยน1,500 เยน1,200 เยน

ค่าเข้าชมและการเดินทางไปยัง Kobe Suma Seaworld

แนะนำกันมาขนาดนี้ สำหรับคนที่สนใจ ในส่วนของอัตราค่าเข้าชมของที่นี่ จะไม่เท่ากันแล้วแต่ช่วงเวลา ซึ่งรายละเอียดต่างๆ จะเป็นไปตามรายละเอียดด้านล่างเลย

เวลาปกติช่วงวันหยุดโอบ้งช่วงปิดเทอมฤดูร้อนธันวาคม-มีนาคม
ผู้ใหญ่3,100 เยน3,700 เยน 3,300 เยน2,900 เยน
เด็ก1,800 เยน1,800 เยน1,800 เยน1,700 เยน
ผู้สูงอายุ2,500 เยน3,100 เยน 2,700 เยน2,300 เยน

และในสำหรับการเดินทาง ทุกท่านสามารถมาได้สะดวกมากๆ เพียงแค่เดินเท้าประมาณ 5 นาที จากสถานีรถไฟ JR Sumakaihinkoen Station หรือเดินเท้า 10 นาทีจากสถานี Tsukimiyama Station ของสาย Sanyo Electric Railway  ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน โดยพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจะตั้งอยู่ริมทะเลข้างกับหาดสุมะ

Kobe Suma Seaworld

ที่อยู่ : 1-3-5 Wakamiyacho, Suma Ward, Kobe, Hyogo 654-0049

เบอร์โทร : 078-731-7301 (10:00-18:00)

สำหรับเมืองโกเบ หลายๆ คนอาจจะคิดถึงแต่เนื้อวัวโกเบอันเลื่องชื่อ หรือ โกเบ พอร์ท ทาวเวอร์ อันเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญ แต่ถ้าใครมีเวลาและอยากหาที่เที่ยวในเมืองโกเบใหม่ๆ เราก็อยากแนะนำที่นี่ให้ทุกคนลองมาดู รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน

Share :

บทความที่เกี่ยวข้อง

สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น

บทความล่าสุด